วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Focus Group Discussion

การที่จะรู้ว่าความต้องการของผู้ใช้บริการ จากงานบริการตามสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คงไม่ใช่สิ่งที่จะค้นหาคำตอบไม่ได้ เพราะความต้องการใช้ทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นจริงในงานบริการกับสิ่งที่คาดหวังของผู้ใช้ทุกระดับ สามารถเชื่อมต่อความต้องการให้เป็นหนึ่งได้ด้วยวิธีการ Focus Group โดยเน้นประเด็นความต้องการสารนิเทศให้สอดคล้องกับการใช้ในเวลาที่พอเหมาะพอดี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาของผู้ใช้ที่มีต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านเป็นแหล่งความรู้ทางการเรียนการสอนได้ระดับหนึ่ง
การนำโฟกัส กรุ๊ป เพื่อนำมาประยุกต์ใช้เช่น การสนทนากลุ่ม เป็นวิธีเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการจัดให้คนที่เลือกจากประชากรที่ต้องการศึกษาจำนวนไม่มากนัก มาร่วมวงสนทนากัน เพื่ออภิปรายพูดคุยกัน โดยมุ่งประเด็นการสนทนาไปยังเรื่องที่สนใจศึกษา ในระหว่างการจัดสนทนากลุ่มอย่างเป็นระบบ อาจเลือกผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มจำนวน 7-12 คน ที่มีลักษณะทางประชากร สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นปัญหาเดียวกัน ระหว่างการพูดคุย มีพิธีกรเป็นผู้ดำเนินการ มีผู้จดบันทึกเป็นผู้จดย่อเนื้อหาการสนทนา และมีเทปบันทึกเสียงบันทึกรายละเอียดของการพูดคุย เมื่อเสร็จสิ้นการ สนทนา ผู้จดบันทึกจะถอดรายละเอียดจากเทปที่บันทึกไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ต่อไป
ดังนั้นความหมายของการสนทนากลุ่ม จึงหมายถึงการรวบรวมข้อมูลจากการสนทนากับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในประเด็นปัญหาที่เฉพาะเจาะจง โดยมีผู้ดำเนินการสนทนา (Moderator) เป็นผู้คอยจุดประเด็นในการสนทนา เพื่อชักจูงให้กลุ่มเกิดแนวคิดและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นหรือแนวทางการสนทนาอย่างกว้างขวางละเอียดลึกซึ้ง โดยมีผู้เข้าร่วมสนทนาในแต่ละกลุ่มประมาณ 6-10 คน ซึ่งเลือกมาจากประชากรเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้

ประโยชน์ของการสนทนากลุ่ม สามารถระบุใช้ในการศึกษาความคิดเห็น ทัศนคติ ความรู้สึก การรับรู้ ความเชื่อ และพฤติกรรม หรือใช้ในการกำหนดสมมติฐานใหม่ๆ หรือใช้ในการกำหนดคำถามต่างๆที่ใช้ในแบบสอบถาม หรือใช้ค้นหาคำตอบที่ยังคลุมเครือ หรือยังไม่แน่ชัดของการวิจัยแบบสำรวจ เพื่อช่วยให้งานวิจัยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หรือใช้ในการประเมินผลทางด้านธุรกิจ

ข้อดีของการสนทนากลุ่ม ผู้เก็บข้อมูล เป็นผู้ได้รับการฝึกกอบรมเป็นอย่างดี เป็นการเผชิญหน้ากันในลักษณะกลุ่มมากกว่าและการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว ทั้งนี้ให้มีปฏิกิริยาโต้ตอบกันได้ ส่วนบรรยากาศของการคุยกันเป็นกลุ่มจะช่วยลดความกลัวที่จะแสดงความเห็นส่วนตัว

ข้อจำกัดถ้าในการสนทนากลุ่ม มีผู้ร่วมสนทนาเพียงไม่กี่คนที่แสดงความคิดเห็นอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ข้อมูลที่ได้เป็นเพียงความคิดเห็นของคนส่วน้อยเหล่านั้น ดังนั้นจึงต้องระวังไม่ให้มีการผูกขาดการสนทนาขึ้น พฤติกรรมบางอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับในชุมชนอาจไม่ได้รับการเปิดเผยในกลุ่มสนทนา ในกรณีนี้ใช้การสัมภาษณ์ตัวต่อตัวจะดีกว่า ถ้าผู้ดำเนินในการสนทนาคุมเกมส์ไม่ได้ การสนทนากลุ่มจะไม่ราบรื่น

ขั้นตอนในการจัดสนทนากลุ่ม
*กำหนดวัตถุประสงค์
*กำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้ให้ข้อมูล
*ตัดสินใจว่าจะทำกี่กลุ่ม
*วางแผนเรื่องระยะเวลาและตารางเวลา
*ออกแบบแนวคำถาม ควรเรียงคำถามจากคำถามที่เป็นเรื่องทั่วๆไป เบาๆ ง่ายต่อการเข้าใจ และสร้างบรรยากาศให้คุ้นเคยกันระหว่างนักวิจัยกับผู้เข้าร่วมสนทนาแล้วจึงวกเข้าสู่คำถามหลัก หรือคำถามหลักของประเด็นที่ทำการศึกษาแล้วจึงจบลงด้วยคำถามเบาๆอีกครั้งหนึ่ง เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศในวงสนทนาและสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองในช่วงท้ายอาจเติมคำถามเสริมเข้าไปแต่ต้องเป็รคำถามสั้นๆอาจเป็นคำถามที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน แต่เป็นคำถามที่ปรากฏขึ้นมาระหว่างการสนทนา ทดสอบแนวคำถามที่สร้างขึ้น ทำความเข้าใจกับผู้ดำเนินการสนทนา (Moderator) และผู้จดบันทึก (Notetaker) ผู้ดำเนินการสนทนา (Moderator) ต้องสร้างบรรยากาศในการสนทนา และควบคุมเกมส์ได้เป็นอย่างดีให้เกิดความเป็นกันเองมากที่สุด Moderator จะต้องไม่แสดงความคิดเห็นของตนเอง ควรจะปล่อยให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ อิสระเสรีและเป็นธรรมชาติมากที่สุด Moderator ที่ดีจะต้องสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ผู้จดบันทึก (Notetaker) จะต้องอยู่ร่วมตลอดเวลาและควรทำหน้าที่ในการจดบันทึกเพียงอย่างเดียวไม่ควรร่วมสนทนาด้วย เพราะจะทำให้การจดบันทึกข้อมูลไม่ครบถ้วน และจะต้องเป็นผู้ถอดเทปด้วยตนเอง เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่ได้บันทึกและเนื้อหาสาระในเทปที่ตรงกัน ผู้ช่วยทั่วไป (Assistant) มีหน้าที่คอยควบคุมเครื่องบันทึกเสียงและเปลี่ยนเทปขณะที่กำลังดำเนินการสนทนา และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ดำเนินการสนทนาและผู้จดบันทึก เพื่อให้แต่ละคนทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
*คัดเลือกผู้เข้าร่วมกลุ่มสนทนา การจัดการเพื่อเตรียมการทำสนทนากลุ่ม เป็นการเตรียมสถานที่ กำหนดวัน เวลา และจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น เช่น เครื่องบันทึกเทป ม้วนเทป ถ่าน สมุด ดินสอ เครื่องดื่ม อาหารว่าง เป็นต้น
*จัดกลุ่มสนทนา
*ประมวลผลและการวิเคราะห์ข้อมูล
ถอดเทปออกมาเป็นบทสนทนา ควรถอดเทปออกมาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและต้องไม่ใส่ความคิดของตนเองที่ถือเป็นข้อสรุปลงไปด้วย วิเคราะห์ข้อมูล โดยการตีความหมายในรูปของการวิเคราะห์เนื้อหา ถ้าจะให้ดีควรทำการวิเคราะห์ร่วมกันหลายๆคนเพื่อเป็นการอภิปรายร่วมกัน ถ้ามีความเห็นไม่ตรงกันควรกลับไปฟังรายละเอียดจากเทปใหม่ แล้วกลับมาอภิปรายด้วยกันอีก
*การเขียนรายงานการวิจัยควรเริ่มต้นโดยการเขียนเค้าโครงเรื่องก่อน แล้วเขียนผลการศึกษาแยกตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาและหัวข้อของแนวคำถามโดยพรรณาในเชิงอธิบาย
บทสรุป
จากข้อดีและข้อจำกัดของการจักสนทนากลุ่มนั้นจะพบว่าในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นจะต้องใช้อย่างระมัดระวังโดยต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. การเลือกผู้ดำเนินการสนทนากลุ่มนั้นควรเป็นผู้ที่พูดและฟังภาษาท้องถิ่นได้ และต้องมีความเหมาะสมกับหัวข้อเรื่องที่ใช้ในการสนทนากลุ่ม
2. ควรให้ผู้เข้าร่วมอยู่ร่วมกลุ่มโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
3. เนื่องจากการจัดการสนทนากลุ่มนี้ไม่สามารถใช้กับการศึกษาวิจัยได้ทุกเรื่อง หากผู้ที่จะนำมาใช้ได้พิจารณาให้รอบคอบ โดยคำนึงถึงผลดีและผลเสียที่จะเกิดก่อนที่จะเลือกวิธีการเก็บข้อมูลโดยใช้วิธีการนี้ก็จะทำให้งานวิจัยที่ออกมามีคุณภาพและ น่าเชื่อถือ

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

Thinking Before Doing

การคิดก่อนลงมือทำ
เป็นเรื่องเข้าใจง่ายสำหรับ ในความคิดที่มีจินตนาการ แต่เมื่อนำไปปฏิบัติบางครั้งจะสำเร็จตามที่คิดไว้หรือไม่ มักเป็นเรื่องของความคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ แต่ถ้าต้องการคิดต่อไปเพื่อวันข้างหน้าตามที่ใจปราถนา นั่นแสดงว่าเริ่มมียุทธศาสตร์เกิดขึ้น แต่ความเป็นยุทธศาสตร์จะแหลมคมหรือไม่ต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์เพื่อสังเคราะห์ให้ได้ทางเลือกที่ดีที่สุด ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตามจุดหมายที่วางไว้
การคิดเผื่อไปข้างหน้า
แนวคิดการบริหารจัดการแบบมียุทธศาสตร์นี้มักมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้ายังวัตถุประสงค์ ซึ่งเป็นการคิดเชิงกลยุทธ์ ที่ต้องอาศัยความรู้สหศาสตร์ที่เกี่ยวข้องนำมาใช้ เพราะในทางการบริหารจัดการงาน แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ งานที่เป็นเชิงเนื้อหาจะเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี หลักการและหน้าที่ กับงานที่เป็นกระบวนการ จะเป็นงานที่มีขั้นตอนการปฎิบัติ กิจกรรมและคู่มือการปฎิบัติงาน ดังนั้นผู้รับผิดชอบงานต้องมั่นใจว่าการดำเนินงานยังคงให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อให้เกิดประสิทธิผล สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ ความมั่นใจเหล่านี้จะช่วยให้เกิดการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลได้ด้วยตนเอง เพราะแต่ละคนสามารถที่จะคิดวิเคราะห์ได้แต่จะรอบคอบหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งและก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไปว่าคนหลายคนจะคิดได้รอบคอบกว่าคนๆเดียวที่เก่งและฉลาด บางคนทำงานไม่ชอบคิดวิเคราะห์ชอบที่จะทำตามแบบที่เคยมีหรือมีคนอื่นทำไว้ ไม่รู้ว่าการกระทำของตนมีหลักการของงานเป็นอย่างไรไม่เข้าใจจริงหรือไม่ ไม่มีคำตอบ
การเรียนรู้ในการวางแผน
ข้อมูลที่เป็นอดีตเป็นเพียงบทเรียนที่ช่วยให้คิดว่าถ้าจะทำให้ดีกว่าที่เป็นมา จะทำอย่างไร จึงกล่าวได้ว่า วิสัยทัศน์และพันธกิจ จะชี้แนะกลยุทธ์ และกลยุทธ์จะชี้แนะกลวิธีตามมาเป็นลำดับ ตัวอย่างการเรียนรู้จากที่ประชุม ถ้าในเวทีที่มีการถูกเถียงและแสดงความคิดเห็นบนเหตุและผล จากมติที่ประชุมอาจนำไปสู่การแก้ไขสิ่งที่เคยปฎิบัติ หรือได้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางาน ดังนั้นการประชุมจึงเป็นช่องทางการสื่อสารที่เป็นทางการช่องทางหนึ่ง การประชุมแบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ได้แก่ การประชุมเพื่อสอนงานหรือฝึกอบรม เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร เพื่อกระตุ้นสร้างแรงจูงใจ เพื่อร่วมคิดสร้างสรรค์และเพื่อร่วมตัดสินใจ เป็นต้น
การเรียนรู้โดยการวิเคราะห์ความจริงความคิดการวิเคราะห์มีมานานแล้วที่มักจะอิงอยู่กับความสามารถทางสมองของแต่ละคนแต่ปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยคิดเช่น ในตำราพิชัยสงครามของซุนหวู่ กำหนดหลักคิดในการวิเคราะห์ว่า รู้เรา รู้เขา รบร้อยครั้งมิแพ้พ่ายแต่ไม่ได้บอกว่าถ้าจะรู้เรา รู้เขาต้องทำอย่างไร ปัจจุบันจึงมีการแปลความว่า รู้เราคือ รู้จุดอ่อน จุดแข็งของตนเอง และควรให้ผู้อื่นเป็นคนบอกเพื่อสะท้อนจุดอ่อนจุดแข็งได้ดี ส่วนรู้เขาแปลความว่าเป็นการรู้ถึงเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคและสภาวะที่เป็นโอกาสแวดล้อมจากภายนอก
การเรียนรู้จากการประเมินผลแผนงาน
เป็นกระบวนการวัดผลโดยการเทียบกับมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่งที่ยอมรับกันบางครั้งจะมีความรู้สึกและ ค่านิยมเข้ามาผสมด้วยเราจึงเรียกว่าการวัดผลการดำเนินงาน ซึ่งมีการวัดความสำเร็จส่วนมาเป็นหน่วยนับและค่าเชิงปริมาณหรือสรุปเป็นคุณค่างานที่ต้องวัดผลลัพธ์ใน 4 ด้านได้แก่ ด้านการเงิน ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเรียนรู้และการเติบโต ด้านลูกค้า เป็นต้นข้อมูลที่ได้จากการประเมินผลจะถูกนำไปเทียบกับค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้กระบวนการนี้สอดคล้องกับวงจรคุณภาพของเดมมิ่งPDCA (Plan Do Check Act) นั่นเอง
การเรียนรู้จากการรายงานผลการดำเนินงาน
ผลที่ได้จากการรายงานข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เป็นความรู้หรือมีคุณค่าต่อการตัดสินใจ อาจเป็นค่าร้อยละ เป็นจำนวน เป็นสัดส่วนหรืออธิบายด้วยการแสดงผลในรูปของกราฟหรือแผนผังก็ได้